วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิชา การจัดระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูลธุรกิจด้วยคอมพิวเตอร์ เข้าฟังบรรยายรอบเช้าโครงการเสริมทักษะวิชาชีพวันที่ 10 ก.พ. 2554ตอนเรียน A1ห้อง BC.1

  • Malware Attacks Virus  ชุดคำสั่งcopy ด้วยตัวเอง และแพร่ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆได้โดยอาศัยพาหะ
  • Trojan house : โปรแกรมที่ถูกบรรจุเข้าไปในในคอมพิวเตอร์ เพื่อเก็บข้อมูลเป็นหลัก เช่น รหัสผ่าน โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้คุกคามระบบคอมพิวเตอร์ภายหลัง ปกติจะไม่เป็นอันตรายใดๆกับระบบคอมพิวเตอร์จึงไม่ถือว่าเป็นไวรัส
  • Bot Zombie :computer ที่ติด warm หรือ Trojan ถูกครอบคลุมให้ทำงานผ่านทาง Network 
  • Dos เป็นการโจมตีที่มีจุดประสงค์ให้ Pc  เหยื่อไม่สามารถให้บริการได้โดยการ Floods ข้อมูล
  • Spyware เป็นโปรแกรมที่บันทึกการกระทำของ user และส่งผ่าน Internet
  • Adware Adcrtising- Supponted Software เป็นโปรแกรมที่จะ Download Keyloger Download จาก site ที่เชื่อใจได้ สิ่งที่ D/L ผิดกฎหมายหรือไม่( Copy right) อ่าน Licechse /Agreement /Term of Use  ก่อนที่จะ D/L
ข้อปฏิบัติ การป้องกัน
    1.ระมัดระวังในการ Download  Software
    2.ไม่เปิด e-mail จากคนที่ไม่รู้จักแม้ว่าเป็น e-mail จากคนที่คุณรู้จัก พิจารณาหัวข้อ e-mail และ Attach File

ข้อควรในการปฏิบัติในการใช้ Social network
    1.ไม่ควรใส่ชื่อนามสกุลจริงควรใส่ชื่อเล่น
    2.อย่าใส่ข้อมูลส่วนตัวที่ระบุตัวตนของคุณ
    3.อย่าอนุญาติให้ virtual friend ส่ง email โดยตรงกับคุณ
    4.ห้ามให้คนที่คุณไม่รู้จักเข้ามาดู Profile  ของคุณ(set prirate)
    5.ป้องกันเพื่อนของคุณด้วย !!! โดยการไม่โพสต์

ข้อมูลที่ไม่ควรใส่ใน Profile  Social network
    1.เบอร์โทรศัพท์ เลขบัตรประจำตัวประชาชน รหัสนักศึกษา หมายเลขบัตรเครดิต
    2.ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด ชื่อนายจ้าง/บริษัท ชื่อบุคคลภายในครอบครัว

วิชา การจัดระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูลธุรกิจด้วยคอมพิวเตอร์ การบ้านคู่หาคุณสมบัติอุปกรณ์เครือข่ายเป็นอังกฤษ-ไทย ประจำวันที่ 5 ม.ค. 2554 ตอนเรียน A1 ห้อง BC.1

GX-D1241
24-Port Rack-mountable Gigabit Switch






Specification

·         24 RJ-45 10/100/1000 Mbps Ethernet ports with Auto MDI/MDIX
·         Complies with IEEE 802.3 (10Base-T), IEEE 802.3u (100Base-TX), IEEE 802.3ab (1000Base-T) standards
·         Auto MDI/MDI-X function
·         Auto negotiation of speed (10/100/1000Mbps), and duplex mode.
·         Back pressure support for Half Duplex mode
·         Up to 2Gbps in full-duplex mode
·         Supports 4K MAC Address
·         Supports 9.6KB Jumbo Frame
คุณสมบัติ
·        รองรับหัว RJ-45 จำนวน 24 พอร์ต ความเร็วเชื่อมต่อ 10/100/1000 Mbps และสามารถสลับสาย UTP ไขว้/ตรง อัตโนมัติ
·        รองรับ IEEE802.3 10Base-T, IEEE802.3u 100Base-TX, IEEE 802.3ab 1000Base-T
·        ฟังก์ชั่นสลับสาย UTP ไขว้/ตรง อัตโนมัติ
·        การถ่ายโอนแบบ Auto negotiation ความเร็ว 10/100/1000Mbps ใน duplex mode
·        โหมด Back pressure รองรับ Half Duplex mode
·        ความเร็วสูงสุดที่  2Gbps ใน full-duplex mode
·        รองรับ 4000 ชุด  MAC addresses
·       รองรับ 9.6KB Jumbo Frame

การจัดระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูลธุรกิจด้วยคอมพิวเตอร์ การบ้านบทที่ 5 ประจำวันที่ 5 ม.ค. 25534ตอนเรียน A1 ห้อง BC.1

1.จงยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อเครือข่าย
ตอบ     รีพีตเตอร์ (Repeater) ในระบบ LAN โดยทั่วไปนั้นยิ่งคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องอยู่ไกลกันมากเท่าไร สัญญาณที่ส่งถึงกันก็จะเริ่มเพี้ยน และจางลงจนหายไปในที่สุด ซึ่งเมื่อสายที่ต่อกันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์มีความยาวเกินกว่าที่มาตรฐานกำหนดก็จะต้องมีการเพิ่มอุปกรณ์พิเศษที่เรียกว่ารีพีตเตอร์ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ทวนสัญญาณคือช่วยขยายสัญญาณไฟฟ้าที่ส่งบนสาย LAN ให้แรงขึ้นและจัดรูปสัญญาณที่เพี้ยนไปให้กลับเหมือนเดิม จากนั้นจึงค่อยส่งต่อไปแต่ข้อจำกัดของรีพีตเตอร์ คือ มันจะทำงานในระดับต่ำ โดยไม่สนใจสัญญาณที่ส่งว่าเป็นข้อมูลอะไร จากไหนถึงไหน รู้แต่ว่าถ้ามีสัญญาณเข้ามาทางฟากหนึ่งก็จะขยายแล้วส่งต่อออกไปยังอีกฝากหนึ่งให้เสมอ ไม่สามารถกลั่นกรองสัญญาณที่ไม่จำเป็นออกไปได้ ดังนั้นรีพีตเตอร์จึงไม่ได้มีส่วนช่วยจัดการจราจรหรือลดปริมาณข้อมูลที่ส่งออกมาบนเครือข่าย LAN
ฮับที่ใช้ในระบบ LAN ตามมาตรฐานอีเทอร์เน็ตแบบ 10Base-T และ 100Base-T ก็จัดเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานในลักษณะเดียวกับรีพีตเตอร์ด้วย

2.จงเปรียบเทียบการทำงานของเกตเวย์ บริดจ์และสวิตซ์
ตอบ
Bridge คือ
เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ติดต่อระหว่างเครือข่ายท้องถิ่น หรือ LAN 2เครือข่ายที่มีโปรโตคอลเหมือนกันเป็นเครือข่ายเดียวกัน
บริดจ์ทำงานคล้ายกับเครื่องตรวจตำแหน่ง (Address)ของข้อมูล บริดจ์จะรับข้อมูลมาทั้งแพ็กเกตจาก LANต้นทาง แล้วส่งไปยังปลายทางโดยไม่ทำการแก้ไขใด ๆ
 บริดจ์อาจเป็นได้ทั้งฮาร์ดแวร์เฉพาะ หรือซอฟต์แวร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่กำหนดให้เป็นบริดจ์ก็ได้
บริดจ์ มักจะถูกใช้ในการเชื่อมเครือข่ายย่อย ๆ ในองค์กรเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายใหญ่เพียงเครือข่ายเดียว เพื่อให้เครือข่ายย่อยๆ เหล่านั้นสามารถติดต่อกับเครือข่ายย่อยอื่นๆ ได้
Switch  นิยมเรียกว่า อีเธอร์เนตสวิตซ์ (Ethernet Switch) จะเป็นบริดจ์แบบหลายช่องทาง (Multiport Bridge) ที่นิยมใช้ในระบบเครือข่ายแลนแบบEthernet เพื่อใช้เชื่อมต่อเครือข่ายหลายๆ เครือข่ายเข้าด้วยกัน สวิตซ์จะช่วยลดการจราจรระหว่างเครือข่ายที่ไม่จำเป็น
เนื่องจากการเชื่อมต่อแต่ละช่องทาง กระทำอยู่ภายในตัวสวิตซ์เอง ทำให้สามารถทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลในแต่ละเครือข่าย (Switching) ได้อย่างรวดเร็วกว่าการใช้บริดจ์จำนวนหลายๆ ตัวเชื่อมต่อกัน
สวิตซ์สามารถใช้เชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเข้ากับตัวสวิตซ์ ซึ่งจะทำให้เครื่องๆ นั้น สามารถติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ด้วยความเร็วเต็มความสามารถของช่องทางการสื่อสารข้อมูล
Gateway เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกอย่างหนึ่ง ทำหน้าที่ ช่วยทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2 เครือข่ายหรือมากกว่าที่มีลักษณะไม่เหมือนกัน คือมีลักษณะการเชื่อมต่อของเครือข่ายต่างกัน และมีโปรโตคอลสำหรับการส่ง-รับข้อมูลต่างกัน สามารถติดต่อกันได้เสมือนเป็นเครือข่ายเดียวกันสำหรับเครือข่ายขนาดใหญ่ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นGateway อาจจะรวมเอาฟังก์ชั่นการทำงานที่เรียกว่าFirewall ไว้ในตัวด้วย เพื่อทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้คอมพิวเตอร์ที่อยู่นอกเครือข่ายเข้ามาเชื่อต่อลักลอบนำข้อมูลภายในออกไปได้

3.      โทโพโลยีมีกี่ประเภท อะไรบ้าง จงอธิบายว่าแต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานแบบใด
ตอบ     โทโพโลยี (Topology) มี 3 ประเภท ดังนี้

1. โทโปโลยีแบบบัส (BUS)เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกเชื่อมต่อกันโดยผ่ายสายสัญญาณแกนหลัก ที่เรียกว่า BUS หรือ แบ็คโบน (Backbone) คือ สายรับส่งสัญญาณข้อมูลหลัก ใช้เป็นทางเดินข้อมูลของทุกเครื่องภายในระบบเครือข่าย และจะมีสายแยกย่อยออกไปในแต่ละจุด เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ซึ่งเรียกว่าโหนด (Node) ข้อมูลจากโหนดผู้ส่งจะถูกส่งเข้าสู่สายบัสในรูปของแพ็กเกจ ซึ่งแต่ละแพ็กเกจจะประกอบไปด้วยข้อมูลของผู้ส่ง, ผู้รับ และข้อมูลที่จะส่ง การสื่อสารภายในสายบัสจะเป็นแบบ 2 ทิศทางแยกไปยังปลายทั้ง 2 ด้านของ บัส โดยตรงปลายทั้ง 2 ด้านของบัส จะมีเทอร์มิเนเตอร์ (Terminator) ทำหน้าที่ลบล้างสัญญาณที่ส่งมาถึง เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญาณข้อมูลนั้นสะท้อนกลับ เข้ามายังบัสอีก เพื่อเป็นการป้องกันการชนกันของข้อมูลอื่น ๆ ที่เดินทางอยู่บนบัสในขณะนั้น
สัญญาณข้อมูลจากโหนดผู้ส่งเมื่อเข้าสู่บัส ข้อมูลจะไหลผ่านไปยังปลายทั้ง 2ด้านของบัส แต่ละโหนดที่เชื่อมต่อเข้ากับบัส จะคอยตรวจดูว่า ตำแหน่งปลายทางที่มากับแพ็กเกจข้อมูลนั้นตรงกับตำแหน่งของตนหรือไม่ ถ้าตรง ก็จะรับข้อมูลนั้นเข้ามาสู่โหนด ตน แต่ถ้าไม่ใช่ ก็จะปล่อยให้สัญญาณข้อมูลนั้นผ่านไป จะเห็นว่าทุก ๆ โหนดภายในเครือข่ายแบบ BUS นั้นสามารถรับรู้สัญญาณข้อมูลได้ แต่จะมีเพียงโหนดปลายทางเพียงโหนดเดียวเท่านั้นที่จะรับข้อมูลนั้นไปได้ เหมาะกับการรับส่งข้อมูลแบบไม่ต่อเนื่องและข้อมูลมีจำนวนไม่มากนัก

2. โทโปโลยีแบบวงแหวน (RING)       เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบเครือข่าย ทั้งเครื่องที่เป็นผู้ให้บริการ( Server) และ เครื่องที่เป็นผู้ขอใช้บริการ(Client) ทุกเครื่องถูกเชื่อมต่อกันเป็นวงกลม ข้อมูลข่าวสารที่ส่งระหว่างกัน จะไหลวนอยู่ในเครือข่ายไปใน ทิศทางเดียวกัน โดยไม่มีจุดปลายหรือเทอร์มิเนเตอร์เช่นเดียวกับเครือข่ายแบบ BUS ในแต่ละโหนดหรือแต่ละเครื่อง จะมีรีพีตเตอร์ (Repeater) ประจำแต่ละเครื่อง 1 ตัว ซึ่งจะทำหน้าที่เพิ่มเติมข้อมูลที่จำเป็นต่อการติดต่อสื่อสารเข้าในส่วนหัวของแพ็กเกจที่ส่ง และตรวจสอบข้อมูลจากส่วนหัวของ Packet ที่ส่งมาถึง ว่าเป็นข้อมูลของตนหรือไม่ แต่ถ้าไม่ใช่ก็จะปล่อยข้อมูลนั้นไปยัง Repeater ของเครื่องถัดไป
-          เหมาะกับงานที่มีการรับส่งข้อมูลมาก ๆ และต่อเนื่องตลอดเวลา

3. โทโปโลยีแบบดาว (STAR)เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันในเครือข่าย จะต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวกลางตัวหนึ่งที่เรียกว่า ฮับ (HUB) หรือเครื่อง ๆ หนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อสายสัญญาณที่มาจากเครื่องต่าง ๆ ในเครือข่าย และควบคุมเส้นทางการสื่อสาร ทั้งหมด เมื่อมีเครื่องที่ต้องการส่งข้อมูลไปยังเครื่องอื่น ๆ ที่ต้องการในเครือข่าย เครื่องนั้นก็จะต้องส่งข้อมูลมายัง HUBหรือเครื่องศูนย์กลางก่อน แล้ว HUB ก็จะทำหน้าที่กระจายข้อมูลนั้นไปในเครือข่ายต่อไป
-          เหมาะกับการรับส่งข้อมูลแบบไม่ต่อเนื่องและข้อมูลมีจำนวนไม่มากนัก

4. รีพีตเตอร์หรือฮับทำงานอยู่บน layer ใดของ OSI Model
ตอบ     รีพีตเตอร์หรือฮับเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ขยายสัญญาณที่ได้รับมาส่งต่อให้กับอุปกรณ์อื่นที่ต่อเข้ากับมัน จัดเป็นอุปกรณ์ที่มีการทำงานอยู่ใน Layer ที่ 1ของ OSI Model